กบฏมักกะสัน
สาเหตุ
-ใน ช่วงที่ฟอร์บังเข้ารับราชการอยู่นั้น มีกบฏมักกะสันเกิดขึ้นที่กรุงศรีอยุธยาและละโว้ โดยแขกมักกะสันเหล่านี้ ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระนารายณ์ เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศสยาม แต่กลับสมคบคิดกับแขกมลายูและแขกจาม ก่อกบฏคิดจะจับสมเด็จพระนารายณ์สำเร็จโทษ พวกนี้ก่อการกบฏโดยเริ่มไล่ฆ่าพวก โปรตุเกสและญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคริสต์
- จากจดหมายเหตุฟอร์บัง ฟอร์บังได้เล่าว่าออกญาวิชเยนทร์คิดที่จะกำจัดตัวเขา โดยเริ่มตั้งแต่การวางยา แต่เนื่องจากไม่สำเร็จและเห็นว่า ฟอร์บังมีตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองบางกอก ซึ่งเป็นเมืองที่มั่นสำคัญ จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะส่งเขาไปจัดการกับกบฏ
- ชาวแขกมักกะสันเป็นคนที่มีนิสัยดุดัน ไม่ยอมแพ้และดื้อรั้น เนื่องจากฟอร์บังเป็นชาวต่างชาติและพึ่งมารับราชการได้ไม่นาน จึงไม่ทราบในเรื่องนี้ทำให้ไม่ได้ตรึกตรอง และวางแผนการณ์เฉพาะหน้าไว้ล่วงหน้า ทำให้เหตุการณ์บานปลายและร้ายแรง ถึงขั้นที่มีพลเมืองสยามและทหารเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
เหตุการณ์
ใน ช่วงเหตุการณ์ที่เกิดกบฏมักกะสันขึ้นนั้น ออกญาวิชเยนทร์ได้ใช้โอกาสนี้คิดกำจัดฟอร์บังโดยออกอุบายใช้ พระบรมราชโองการของสมเด็จพระนารายณ์ ให้ฟอร์บังซึ่งขณะนั้นมีหน้าที่เป็นผู้ว่าราชการบางกอก ให้ฝึกทหารไทยจำนวนสองพันคน สร้างป้อมปราการ และมอบหมายให้ปราบกบฏมักกะสัน ขณะนั้นมีต้นหนเรือชาวมักกะสันอยู่คนหนึ่ง เห็นว่ากบฏคงไม่สามารถกระทำการได้สำเร็จ จึงคิดจะกลับไปยังเกาะมักกะสันพร้อมกันลูกเรืออีก47คน ออกญาวิชเยนทร์จึงใช้โอกาสนี้มอบใบเบิกทางให้เพื่อให้ ต้นหนเรือคนนี้เชื่อใจ ในทางกลับกัน กลับบอกให้ฟอร์บังทำการจับกุมตัวชาวมักกะสันกลุ่มนี้ ระหว่างที่รอเรือของชาวมักกะสันนี้ ฟอร์บังก็ใช้เวลานี้ในการฝึกทหาร สร้างป้อมปราการ และสร้างคุกใหม่สำหรับจองจำนักโทษ ระหว่างนี้ก็พยายามผูกมิตร กับทหารชาวโปรตุเกสที่ เขาเคยสั่งกักตัวไว้เมื่อครั้งมาคุม การสร้างป้อมปราการเมื่อคราวก่อน โดยนักโทษทหารโปรตุเกสเหล่านี้ ถูกปล่อยตัวมาโดยคำสั่งของออกญาวิชเยนทร์ โดยมุ่งหวังอยากให้ฟอร์บังถูกปองร้ายจากทหารเหล่านี้
หลังจากผ่านไปได้ยี่สิบวันเรือ ของต้นหนเรือชาวมักกะสันก็มาถึงเมืองบางกอก เนื่องจากติดโซ่ที่ฟอร์บังได้สั่งให้ทหารลากตรึงไว้ ต้นหนเรือคนนั้นได้ออกมาชี้แจงถึงการเดินทางกลับไปยังบ้านของพวกเขา โดยที่ฟอร์บังได้ใช้อุบายว่าตนอยากจะขอตรวจดูผู้โดยสารบนเรือ โดยอ้างว่าตนได้รับคำสั่งว่า ในช่วงที่เกิดกบฏนี้มีคำสั่งว่าห้ามชาวสยามหรือผู้ใด ออกจากแผ่นดินสยาม ซึ่งต้นหนเรือก็ยอมทำตามโดยมีข้อแม้ว่า จะขอนำกริชพกติดตัวมาด้วยโดยอ้างว่า กริชเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องพกติดตัวเสมอ ฟอร์บังในตอนนั้นยังไม่รู้ถึงความร้ายกาจของกริช จึงยอมรับเงื่อนไข ระหว่างที่รอให้พวกมักกะสันทั้ง 47คนลงมาจากเรือนั้น ฟอร์บังก็ได้มีคำสั่งให้ทหารซุ่มดูอยู่ ณ จุดต่างๆเพื่อทำการจับกุมตัวชาวมักกะสัน โดยไม่ได้ชะล่าใจคำเตือนของทหาร แก่ชาวโปรตุเกสผู้หนึ่งที่เล่าถึงความน่ากลัวของชาวมักกะสัน เมื่อต้นหนเรือและผู้ติดตามเดินลงมาจากเรือ ฟอร์บังก็มีคำสั่งให้เข้าจับกุมทันที โดยอ้าง เหตุผลว่า ได้รับคำสั่งมาให้จับกุมพวกเขา แต่สัญญาว่าจะดูแลอย่างดีระหว่างจับกุม ไม่ทันตั้งตัวชาวมักกะสันเหล่านั้น ก็พุ่งกริชมายังล่ามผู้แปลนั้นทันที รวมถึงทหารคนอื่นๆด้วย ฟอร์บังรอดได้อย่างหวุดหวิดจากการช่วยเหลือของทหารคนหนึ่ง ทำให้เขาได้ตระหนักถึงความน่ากลัวของอาวุธที่ชื่อว่า กริช และตระหนักถึงความน่ากลัวของชาวมักกะสัน ดังนั้นฟอร์บังจึงเปลี่ยนคำสั่งจากจับเป็น เป็น จับตาย ฆ่าให้หมด ชาวมักกะสันที่เหลือออกอาละวาดวิ่งไปทั่วเมืองบางกอกอย่างบ้าเลือด ฆ่าคนโดยไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ชายหรือหญิง เป็นที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ที่น่าสะพรึงกลัวกว่านั้นก็คือ พวกมักกะสันได้บุกไปยังวัดวาอาราม แล้วไล่ฆ่าพระภิกษุสงฆ์รวมถึงขุนนางผู้ใหญ่ ทำให้ฟอร์บังทำการปรึกษาหารือกับขุนนางผู้ใหญ่ พร้อมกับรับทราบจำนวนผู้เสียชีวิตซึ่งมีคนของสยามเสียชีวิตไป 366คน ชาวแขกมักกะสันตายเพียง17คน ทำให้ฟอร์บังทราบว่าชาวแขกมักกะสันนั้นร้ายกาจมากเพียงใด
หลังจากนั้นฟอร์บังก็ได้รับคำสั่งจากออกญาวิชเยนทร์ให้ฆ่าแขกมักกะสันให้ได้ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมทั้ง ติเตียนและกล่าวหาฟอร์บังว่า ไม่ใช้สติปัญญาให้รอบคอบ บกพร่องในหน้าที่การงานจนเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการฆ่าฟัน ซึ่งเพิ่มความไม่พอใจในตัวออกญาวิชเยนทร์ขึ้นไปอีก หลังจากที่ได้รับคำสั่ง ฟอร์บังก็ออกไปปราบแขกมักกะสัน ซึ่งหลบหนีไปตามคูคลองและเนินดิน ต่างๆ แม้จะพยายามปรองดองด้วยคำพูดใดๆ ก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งแขกมักกะสันนี้ไว้ได้ เพราะคนเหล่านี้ไม่กลัวตาย เนื่องจากมีความเชื่อว่า คนทุกคนที่เขาฆ่าตายจะไปเป็นทาสรับใช้ของเขาในปรโลก และการไม่ยอมแพ้คือเกียรติคุณสูงสุดตามความเชื่อในศาสนามะหะหมัด(อิสลาม) ของพวกเขา ส่งผลให้คนพวกนี้มีลักษณะที่ดุร้าย ไม่ท้อถอย ซึ่งสร้างความลำบากในการปราบปรามครั้งนี้มาก ซึ่งกว่าจะปราบปรามจนสำเร็จก็ใช้เวลาถึงหนึ่งเดือน โดยชาวแขกมักกะสันที่เหลือตายโดยบาดแผลเป็นพิษบ้าง อดอาหารบ้าง ทำให้พ่ายแพ้ในที่สุด
ผลของเหตุการณ์
ผล ของเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ทหารและพลเมืองชาวบางกอกเสียชีวิตไปจำนวนมาก การปราบกบฏมักกะสันในครั้งนี้เป็นอีกสาเหตุหลักที่ทำให้ ฟอร์บังเพิ่มความเกลียดชังในตัวออกญาวิชเยนทร์มากขึ้น รวมถึงเป็นอีกสาเหตุหลักที่อยากจะออกจากประเทศสยามกลับไปยังฝรั่งเศส เนื่องจากไม่อยากตกอยู่กับการแก่งแย่งชิงดี และความอิจฉาริษยาของออกญาวิชเยนทร์
ที่มา: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=historybuild&month=26-09-2009&group=1&gblog=1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น