นางสีดา
**************************************************************
นางสีดา...เป็นธิดาของพญายักษ์ทศกัณฐ์
กับนางมณโฑผู้เป็นมเหสีรอง ความจริงเเล้วก่อนจะมาเกิดเป็นนางสีดา นางคือ "พระลักษมี"
เทพชายาแห่ง "พระนารายณ์" ผู้ปกครองเกษียรสมุทร
เมื่อพระนารายณ์ต้องแบ่งภาคมากำเนิดบนโลกมนุษย์เพื่อปราบพญายักษ์ทศกัณฐ์
พระลักษมีเทพชายาจึงขอแบ่งภาคตามมาเกิดด้วย...
เมื่อแรกเกิด
นางได้ร้องออกมาว่า "ผลาญยักษ์" สามครั้ง พิเภก (น้องชายทศกัณฐ์)
ทำนายว่านางเป็นตัวกาลกิณี ในอนาคตจะทำให้กรุงลงกาวอดวาย ทศกัณฐ์และนางมณโฑจึงจำใจยอมให้พิเภกนำทารกน้อยไปทิ้งที่แม่น้ำ...
น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ที่เมื่อทารกน้อยนี้สัมผัสน้ำ ก็พลันมีดอกบัวขึ้นมารองรับนางไว้
ดอกบัวลอยไปจนถึงอาศรมของฤๅษีชนก หรือท้าวชนกผู้ครองเมืองมิถิลา
ผู้เบื่อหน่ายกับชีวิตทางโลกจึงออกมาบำเพ็ญพรตแทน ฤๅษีชนกเห็นทารกน้อยก็เก็บมาเลี้ยง
โดยนำทารกใส่ผอบ แล้วฝากเทวดานางฟ้าไว้ พร้อมขุดหลุมฝังผอบ
หลายสิบปีต่อมา
ฤๅษีชนกก็ยังไม่สำเร็จญาณเสียที จึงคิดจะกลับไปครองเมืองดั่งเดิม
พลันก็คิดถึงทารกเพศหญิงที่ตนฝากเทวดานางฟ้าดูแลไว้
จึงสั่งให้คนรับใช้ขุดหลุมหาจนทั่วอาศรม แต่ก็ไม่เจออะไรเลย คราวนี้ ฤๅษีชนกจึงเป็นผู้หาเอง
โดยเอาคันไถมาขุดลากหา และอธิฐานให้เจอผอบที่ฝังไว้ ในที่สุดก็พบผอบนั้นจนได้ ฤๅษีชนกเปิดผอบก็พบกับหญิงสาวโฉมงามดั่งนางฟ้า
จึงรับหญิงสาวเป็นธิดาบุญธรรมและให้นามนางว่า "สีดา" แปลว่า
"รอยคันไถ" เพราะต้องไถจนดินเป็นรอยคันไถกว่าจะเจอผอบที่นางอยู่
ฤๅษีชนกกลับเมืองมิถิลา
พระมเหสีดีใจมากที่ได้ธิดางามเลิศ เนื่องจากท้าวชนกและมเหสีไม่เคยมีบุตร เวลาผ่านล่วงเลยไป
สีดาเติบโตเป็นสาวรุ่น งดงามเป็นยิ่งนัก ท้าวชนกจึงคิดหาคู่ครองให้
โดยมีพิธียกธนูโมลี ธนูศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ใครยกธนูนี้ได้จะได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสีดา
ความงามของนางสีดาเป็นที่ลื่อเลื่องอยู่แล้ว
เมื่อถึงวันพิธีจึงมีชายหนุ่มมากมายมาร่วมพิธี ไม่มีใครยกธนูโมลีได้ซักคน ยกเว้น
"องค์ชายราม" โอรสแห่งกษัตริย์เมืองอโยธยาเท่านั้น นางสีดามีใจให้พระรามอยู่แล้ว
ทั้งสองจึงได้อภิเษกสมรสกัน
(พระรามคือพระนารายณ์เทพสวามีของพระลักษมีที่แบ่งภาคลงมาเกิด) นางสีดาตามพระรามกลับเมืองอโยธยา
ไปเป็นมเหสีพระรามที่นั่น ทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุข
จนพระรามมีเหตุจำเป็นที่ต้องออกบวชเป็นเวลาสิบสี่ปี โดยมี "พระลักษมณ์"
น้องชายต่างมารดาของพระรามติดตามมาด้วย โดยนางสีดาก็ติดตามไปดูแลพระรามไปในป่า
ระหว่างที่บวชอยู่นั่นเอง
ทศกัณฐ์มาแอบหลงรักนางสีดา เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน
ทศกัณฐ์จึงวางแผนชิงตัวนางสีดาไปอยู่ด้วยที่เมืองลงกา พระรามก็ตามมา
จึงเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น ตลอดเวลาที่สีดาอยู่ที่เมืองลงกา
นางก็เฝ้าจงรักภักดีกับพระรามเสมอมา ไม่ใจอ่อนให้ทศกัณฐ์เลยแม้แต่น้อย...
สุดท้ายทศกัณฐ์ก็ถูกพระรามสังหารได้สำเร็จ
นางสีดาได้กลับมาอยู่กับพระรามดั่งเดิม แต่ก่อนหน้านั้นนางได้ขอทำพิธีลุยไฟ
เพื่อเเสดงให้เห็นว่านางมีพระรามแค่คนเดียว ก่อนลุยไฟนางกล่าวว่า "ข้าของตั้งสัจจะวาจาว่า หากข้าประพฤติชอบ
มีสวามีเพียงหนึ่ง ขอให้ไฟนี้อย่าได้กล้ำกราย
แต่หากข้าไม่เป็นเช่นนั้นขอให้ไฟนี้มอดไหม้ข้าให้สิ้นไป" และแล้วระหว่างที่นางลุยไฟ
ก็มีดอกบัวมาห่อหุ้มพระบาท เอาไว้ ไม่ให้ไฟมาทำอันตรายได้พระรามพาสีดากลับเมือง ครองเมืองอโยธยาแทนท้าวทศรถผู้เป็นบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว
โดยแต่งตั้งนางสีดาให้เป็นมเหสี
แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้
เมื่อ "นางอาดูร"
หลานสาวของทศกัณฐ์ที่มีความแค้นเคืองสีดามาแปลงกายเป็นนางกำนัลในตำหนัก
ขอร้องให้สีดาวาดรูปทศกัณฐ์ให้ดู แล้วเข้าสิงรูปนั้น ทำให้ไม่สามารถลบออกได้
พระรามรู้เข้าก็โกรธ หาว่านางสีดายังมีใจคิดถึงทศกัณฐ์ ไม่ฟังคำนางสีดาเลย
ทั้งยังสั่งประหารนางสีดาอีกด้วย ทั้งๆที่ตอนนั้นนางสีดากำลังมีครรภ์อ่อนๆ
แต่โชคดีที่นางสีดารอดมาได้
จากการช่วยเหลือของพระลักษมณ์ นางไปอาศัยอยู่ที่อาศรมของฤๅษีตนหนึ่ง และคลอดโอรส
นามว่า "พระมงกุฎ" และฤๅษีก็เสกโอรสที่หน้าตาเหมือนกัน แต่ผมสีแดง
(เนื่องจากกำเนิดจากไฟ) ให้นามว่า "พระลบ" ต่อมาพระรามรู้ความจริงและออกตามหานางสีดา
แต่นางสีดาโกรธไม่ยอมคืนดีด้วย จึงมอบพระมงกุฎและพระลบให้
แต่ตัวนางเองไม่ได้คืนสู่อโยธยาแต่อย่างใด ร้อนถึงพระอิศวร (พระศิวะ)
ต้องมาช่วยไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองคืนดีกัน หลังจากนั้น ทั้งสองก็ครองรักกันอย่างมีความสุข
****************************

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น